วันอังคารที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2555

บทที่ 4
                ซอฟต์แวร์ (software) หมายถึงชุดคำสั่งหรือโปรแกรมที่ใช้สั่งงานให้คอมพิวเตอร์ทำงาน ซอฟต์แวร์จึงหมายถึงลำดับขั้นตอนการทำงานที่เขียนขึ้นด้วยคำสั่งของคอมพิวเตอร์ คำสั่งเหล่านี้เรียงกันเป็นโปรแกรมคอมพิวเตอร์ จากที่ทราบมาแล้วว่าคอมพิวเตอร์ทำงานตามคำสั่ง การทำงานพื้นฐานเป็นเพียงการกระทำกับข้อมูลที่เป็นตัวเลขฐานสอง ซึ่งใช้แทนข้อมูลที่เป็นตัวเลข ตัวอักษร รูปภาพ หรือแม้แต่เป็นเสียงพูดก็ได้
http://www.thaiwbi.com/course/Intro_com/Intro_com/wbi1/hie/page42.htm
ประเภทของซอฟต์แวร์
                ซอฟต์แวร์หรือโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่มีผู้พัฒนาขึ้นเพื่อใช้งานกับคอมพิวเตอร์มีมากมาย ซอฟต์แวร์เหล่านี้อาจได้รับการพัฒนาโดยผู้ใช้งานเอง หรือผู้พัฒนาระบบ หรือผู้ผลิตจำหน่าย หากแบ่งแยกชนิดของซอฟต์แวร์ตามสภาพการทำงาน พอแบ่งแยกซอฟต์แวร์ได้เป็นสองประเภท คือ ซอฟต์แวร์ระบบ (system software) และซอฟต์แวร์ประยุกต์ (application software)
                ซอฟต์แวร์ระบบ คือ ซอฟต์แวร์ที่บริษัทผู้ผลิตสร้างขึ้นมาเพื่อใช้จัดการกับระบบ หน้าที่การทำงานของซอฟต์แวร์ระบบคือดำเนินงานพื้นฐานต่าง ๆ ของระบบคอมพิวเตอร์ เช่น รับข้อมูลจากแผงแป้นอักขระแล้วแปลความหมายให้คอมพิวเตอร์เข้าใจ นำข้อมูลไปแสดงผลบนจอภาพหรือนำออกไปยังเครื่องพิมพ์ จัดการข้อมูลในระบบแฟ้มข้อมูลบนหน่วยความจำรอง  เมื่อเราเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ ทันทีที่มีการจ่ายกระแสไฟฟ้าให้กับคอมพิวเตอร์ คอมพิวเตอร์จะทำงานตามโปรแกรมทันที โปรแกรมแรกที่สั่งคอมพิวเตอร์ทำงานนี้เป็นซอฟต์แวร์ระบบ ซอฟต์แวร์ระบบอาจเก็บไว้ในรอม หรือในแผ่นจานแม่เหล็ก หากไม่มีซอฟต์แวร์ระบบ คอมพิวเตอร์จะทำงานไม่ได้ ซอฟต์แวร์ระบบยังใช้เป็นเครื่องมือในการพัฒนาซอฟต์แวร์อื่น ๆ และยังรวมไปถึงซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการแปลภาษาต่าง ๆ
                ซอฟต์แวร์ประยุกต์ คือ  เป็นซอฟต์แวร์ที่ใช้กับงานด้านต่าง ๆ ตามความต้องการของผู้ใช้ ที่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้โดยตรง ปัจจุบันมีผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ใช้งานทางด้านต่าง ๆ ออกจำหน่ายมาก การประยุกต์งานคอมพิวเตอร์จึงกว้างขวางและแพร่หลาย เราอาจแบ่งซอฟต์แวร์ประยุกต์ออกเป็นสองกลุ่มคือ ซอฟต์แวร์สำเร็จ และซอฟต์แวร์ที่พัฒนาขึ้นใช้งานเฉพาะ ซอฟต์แวร์สำเร็จในปัจจุบันมีมากมาย เช่น ซอฟต์แวร์ประมวลคำ ซอฟต์แวร์ตารางทำงาน ฯลฯ
                ซอฟต์แวร์สำหรับงานเฉพาะด้าน คือ โปรแกรมซึ่งเขียนขึ้นเพื่อการทำงานเฉพาะอย่างที่เราต้องการ บางที่เรียกว่า User’s Program เช่น โปรแกรมการทำบัญชีจ่ายเงินเดือน โปรแกรมระบบเช่าซื้อ โปรแกรมการทำสินค้าคงคลัง เป็นต้น ซึ่งแต่ละโปรแกรมก็มักจะมีเงื่อนไข หรือแบบฟอร์มแตกต่างกันออกไปตามความต้องการ หรือกฏเกณฑ์ของแต่ละหน่วยงานที่ใช้ ซึ่งสามารถดัดแปลงแก้ไขเพิ่มเติม (Modifications) ในบางส่วนของโปรแกรมได้ เพื่อให้ตรงกับความต้องการของผู้ใช้ และซอฟต์แวร์ประยุกต์ที่เขียนขึ้นนี้โดยส่วนใหญ่มักใช้ภาษาระดับสูงเป็นตัวพัฒนา
http://www.pbps.ac.th/e_learning/combasic/soft_type.html
ความสำคัญของซอฟต์แวร์
                การนำคอมพิวเตอร์มาช่วยในการทำงานนั้น คอมพิวเตอร์ไม่สามารถทำงานได้ทันที่ ต้องมีการสั่งขั้นตอนการทำงานให้กับคอมพิวเตอร์ คอมพิวเตอร์จึงจะทำงานได้ การที่จะสั่งให้คอมพิวเตอร์รับรู้ และทำงานได้อย่างถูกต้อง จำเป็นต้องมีสื่อกลางสำหรับการติดต่อเพื่อให้คอมพิวเตอร์รับรู้ เราเรียกสื่อกลางนี้ว่าภาษาคอมพิวเตอร์   แต่คอมพิวเตอร์ทำงานด้วยสัญญาณทางไฟฟ้า ผู้ออกแบบคอมพิวเตอร์จึงใช้ ระบบเลขฐานสอง ที่มีตัวเลข 0 และ 1 เป็นรหัสแทนคำสั่งในการสั่งงานคอมพิวเตอร์ ดังนั้นถ้าจะสั่งคอมพิวเตอร์ให้ทำงาน ต้องนำเลขฐานสองมากประกอบกันเป็นชุดคำสั่งและสั่งงานคอมพิวเตอร์ ซึ่งเรียกคำสั่งแบบนี้ว่า ภาษาเครื่อง แต่ภาษาเครื่องจำคำสั่งและใช้งานยาก จึงมีการพัฒนาภาษาคอมพิวเตอร์ในรูปแบบที่เป็นตัวอักษร เป็นประโยคข้อความ ภาษาในลักษณะนี้เรียกว่า ภาษาคอมพิวเตอร์ระดับสูง ภาษาระดับสูงมีอยู่มากมาย บางภาษามีความเหมาะสมกับการใช้สั่งงานการคำนวณทางคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ บางภาษามีความเหมาะสมไว้ใช้สั่งงานทางด้านการจัดการข้อมูล แต่ภาษาคอมพิวเตอร์ระดับสูงนี้คอมพิวเตอร์ไม่รู้จัก จึงต้องมีการพัฒนาตัวแปลภาษาระดับสูงให้เป็นภาษาเครื่องก่อนจึงจะสั่งให้คอมพิวเตอร์ทำงานได้ ดังนั้นการทำงานของคอมพิวเตอร์คอมพิวเตอร์จะควบคุมการทำงานด้วยชุดคำสั่งภาษาคอมพิวเตอร์ที่ถูกเก็บไว้ในหน่วยความจำของคอมพิวเตอร์ เพื่อทำการคำนวณและแสดงผลลัพธ์ออกทางอุปกรณ์แสดงผล ซึ่งชุดคำสั่งหรือโปรแกรมที่ใช้สั่งงานให้คอมพิวเตอร์ทำงานนั้นเรียกว่า ซอฟต์แวร์ (software)  ดังนั้น ซอฟต์แวร์ (software) จึงหมายถึง ชุดคำสั่งหรือโปรแกรมที่ใช้สั่งงานให้คอมพิวเตอร์ทำงาน  ซอฟต์แวร์หรือโปรแกรมคอมพิวเตอร์ จึงเป็นส่วนสำคัญที่ควบคุมการทำงานของคอมพิวเตอร์ให้ดำเนินการตามชุดคำสั่งหรือโปรแกรมที่กำหนดไว้ แต่คอมพิวเตอร์จะไม่สามารถทำงานที่นอกเหนือจากที่กำหนดไว้ในโปรแกรม การที่จะทำให้คอมพิวเตอร์ทำงานได้หลายอย่างต้องมีการพัฒนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์ให้ทำงานตามที่ต้องการ ตัวอย่างเช่น ห้องสมุดต้องการนำคอมพิวเตอร์มาช่วยในการให้บริการยืมคืน ก็ต้องมีการเขียนโปรแกรมด้วยภาษาคอมพิวเตอร์เพื่อสั่งให้คอมพิวเตอร์เก็บข้อมูลหนังสือ เก็บข้อมูลนักเรียนไว้ทั้งหมดเป็นฐานข้อมูล และให้สามารถบันทึกการยืมคืนหนังสือเหล่านั้นของนักเรียนไว้ หรือเขียนโปรแกรมให้คอมพิวเตอร์สามารถทำงานแบบเครื่องพิมพ์ดีด คอมพิวเตอร์ก็ช่วยงานพิมพ์เอกสารให้สวยงามได้ เป็นต้น     จะเห็นได้ว่าการนำคอมพิวเตอร์มาทำงานอะไรก็ตามจำเป็นต้องมีชุดคำสั่งภาษาคอมพิวเตอร์ที่เรียกว่า  ซอฟต์แวร์ ซอฟต์แวร์จึงเป็นสิ่งที่จำเป็น และมีความสำคัญมากของระบบคอมพิวเตอร์ หากขาดซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์ก็ไม่สามารถทำงานได้ 
www.jobpub.com/articles/showarticle.asp?id=731

ระบบปฏิบัติการคือ
                Operating System (OS) หรือ "ระบบปฏิบัติการ" โดยทำหน้าที่ในการจัดสรรทรัพยากรในระบบคอมพิวเตอร์ให้กับ "โปรแกรมประยุกต์" (Application) และอุปกรณ์ต่อพ่วงต่างๆ (Peripherals) รวมถึงจัดสรรเวลาการใช้งานของ "หน่วยประมวลผลกลาง" (Central Processing Unit: CPU)
ระบบปฏิบัติการสามารถแบ่งออกได้เป็นกลุ่มได้ดังนี้
                Multi-user เป็นระบบปฏิบัติการที่อนุญาตให้มีผู้ใช้งานในขณะเดียวกันได้ตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป
                Multiprocessing เป็นระบบปฏิบัติการที่รองรับการทำงานของหน่วยประมวลผลกลางมากกว่า 1 ชิ้น
                Multi-tasking เป็นระบบปฏิบัติการที่รองรับการทำงานของโปรแกรมประยุกต์มากกว่า 1 โปรแกรมทำงานพร้อมๆกันได้
                Multi-threading เป็นระบบปฏิบัติการที่รองรับการทำงานบางส่วนของโปรแกรมหนึ่งๆสามารถทำงานได้พร้อมๆกัน
articles.modoeye.com › Operating System